นำเสนอสินค้าแบบนี้อย่าทำดีกว่า – 5 ข้อห้ามที่ผู้ส่งออกห้ามทำเด็ดขาด

 

เชื่อมั้ยครับว่า ลูกค้าต่างประเทศเกิดความฉงนงงงวยกับการนำเสนอสินค้าของคนไทยเป็นอย่างมาก ตอนแรกผมก็ไม่เชื่อจนกระทั่งผมได้เจอมากับตัวเอง ผมเคยได้รับการตอบรับที่ค่อนข้างน่าตกใจจากเซลล์ต่างประเทศของบริษัทคนไทยหลายๆ แห่ง ด้วยการนำเสนอสินค้าที่ไม่เป็นมืออาชีพ และไม่ให้การตอบรับลูกค้าดีเท่าไหร่

และในฐานะพ่อค้าคนกลาง ผมขอแจกแจงรายละเอียดข้อห้ามที่ห้ามทำเด็ดขาด ในการนำเสนอสินค้าให้กับลูกค้าต่างประเทศ

1. โพสต์สินค้าบนโลกออนไลน์โดยไม่มีรูปสินค้า

นี่คือเอกลักษณ์ของคนไทยที่ไม่น่ารักเท่าไหร่ ถ้าเราได้ท่องเว็บอลีบาบา หรือเว็บขายของออนไลน์ หลายๆ แห่ง เราจะเห็นว่ามีสินค้าหลายๆ ตัวมีแต่ชื่อสินค้า ไม่มีรูปปรากฏให้เห็น (ตอนนี้แทบไม่มีแล้ว เพราะเจ้าของเว็บบังคับให้มีรูป) แต่ถึงมีรูป รูปสินค้าก็ไม่สวย ไม่น่าดึงดูดอยู่ดี

สาเหตุที่เราเป็นแบบนี้เพราะเราไม่พิถีพิถันกับการปรับแต่งรูปสินค้า เรามั่นใจในคุณภาพสินค้า เอกลักษณ์ความเป็นคนไทย มาตรฐานการผลิต ราคา หรือทุกอย่างๆ แต่เรากลับไม่เสียเวลาปรับปรุงหน้าตาสินค้าของเราให้ดี นี่เป็นจุดอ่อนอย่างมากที่ทำให้คนไม่เข้ามาหาเรา

2. ส่งโปรไฟล์ ส่งไปแต่ลิ้งค์เว็บไซต์ แล้วให้ลูกค้าไปดูเอาเอง

หลายๆ ครั้งที่มีสินค้าน่าสนใจมาก ผมได้ติดต่อกับเซลล์ หรือผู้ประกอบการเอง เพื่อทราบถึงข้อมูลสินค้า และที่ผมได้รับนั้นน่าตกใจมาก คือ เค้าส่งโปรไฟล์บริษัทให้ผม แล้วในนั้นไม่มีอะไรนอกจากรูปเจ้าของ หรือหรือผลิตภัณฑ์ 2-3 รูป จากนั้นก็ให้ติดต่อมาที่เว็บไซต์

ด้วยความที่เราสนใจผลิตภัณฑ์นั้นจริงๆ จึงเข้าเยี่ยมเว็บไซต์ ปรากฏว่าเจอข้อความที่บอกว่าติดต่อเราได้ที่เบอร์ / อีเมล ซึ่งมันก็วันกลับไปหาคนที่เราติดต่อใหม่ และคงไม่ต้องสงสัยว่าถ้าผมติดต่อกลับไป คงต้องได้เจอเขาวงกตที่ไม่มีทางหาทางออกจนจบแน่นอน นี่คือสิ่งทีต้องระวังไว้เป็นอย่างดีนะครับ อย่าทำให้ลูกค้ารู้สึกว่าเขากำลังอยู่ในเขาวงกตเป็นอันขาด

สิ่งที่เราต้องทำคือเช็คว่าลูกค้าจะเจอเราด้วยขั้นตอนยังไงบ้าง ได้รับนามบัตร ดูเว็บไซต์ ส่งอีเมล จากนั้นเจอตัวเราแล้ว ต้องคุย อย่าให้เค้าแวะไปที่เว็บไซต์ เพื่อส่งเมลกลับมาหาเราใหม่อีกนะครับ

 

3. นำเสนอราคาสินค้าแบบขายปลีก หรือส่งราคาเดียวใช้ตลอดกาล

เรื่องนี้ผมเจอบ่อยเวลาขอราคาจากผู้ประกอบการที่ไม่เคยส่งออก หรือบางคนเคยส่งออกแล้วก็เหอะ ผมเข้าใจว่าท่านมีตลาดทั้งในและต่างประเทศ และตลาดหลักของท่านอยู่ในประเทศ ทำให้การนำเสนอราคาลูกค้านั้นไม่ซับซ้อนมาก กล่าวคือ มีราคาปลีก แล้วก็ตามด้วยจำนวนสั่งซื้อขั้นต่ำที่ไม่เยอะมาก จากนั้นก็จบ ซึ่งบังเอิญว่ามันใช้ไม่ได้กับการส่งออก

เพราะการส่งออกนั้น เราต้องขายสินค้าในจำนวนมากกว่านั้น

ถึงแม้การขายสินค้าไปต่างประเทศในสมัยนี้จะไม่ได้ต้องการจำนวนมากเหมือนแต่ก่อน (เราขายปลีกไปต่างประเทศได้) แต่การนำเสนอราคานั้น ต้องมีอย่างน้อยๆ คือค่าขนส่งที่ต้องคำนวณเข้าไป หรือแม้กระทั่งน้ำหนัก ขนาดบรรจุภัณฑ์ ขนาดพาเลต เพราะทุกอย่างคือค่าใช้จ่ายที่ผู้ซื้อเราต้องจ่ายทั้งนั้น หากคุณไม่ได้ทำใบเสนอราคาถึงขั้นนี้แล้ว บอกได้เลยว่ายากที่จะได้ออเดอร์ครับ ลูกค้าจะคิดว่าเรายังไม่พร้อมส่งออก ซึ่งผมก็เห็นด้วย

 

4. ส่งใบเสนอราคาไปโดยไม่ระบุสเปคสินค้า

อีกเรื่องเกี่ยวกับใบเสนอราคาคือ เราไม่ได้ระบุสเปคสินค้า คนไทยเราแปลกอย่างตรงที่ชอบคิดว่าลูกค้าจะเข้าใจเองว่าสินค้ามันมีสเปคอะไร แต่จริงๆ แล้วในการนำเข้าส่งออกนั้นไม่ได้เลยครับ สเปคสินค้าสำคัญมาก เราจะต้องรู้ว่าส่วนผสม ส่วนประกอบมอะไรบ้าง เพราะแต่ละอย่างมีกฎเกณฑ์ กฎระเบียบ ภาษีนำเข้าที่ต่างกันไป หากเราไม่ระบุสเปคสินค้าให้เคลียร์แต่แรก ก็ยากที่จะทำให้การทำงานเราราบรื่นได้ บางครั้งคุยราคากันจบแล้ว พอมาดูสเปคสินค้าแล้วไม่ตรง อาจทำให้เราพลาดออเดอร์ได้นะครับ

 

5. ไม่มีการติดตามผล ได้รับนามบัตรมาแล้ว ไม่ติดต่อกลับไป

โดยลักษณะนิสัยของคนทั่วไป มักจะตื่นเต้นกับการจัดงานอีเว้นท์ เช่น งานแสดงสินค้า การเดินทางไปดูงานต่างประเทศ การไปเยี่ยมโรงงาน ฯลฯ จากนั้น เมื่อเรากลับมาที่ออฟฟิศเรา เรากลับไม่ได้เอาสิ่งที่ได้จากงานนั้นมาใช้เลย ลองมองไปรอบๆ โต๊ะคุณดูสิครับว่านามบัตรลูกค้าที่คุณได้รับ คุณเคยแม้แต่จะหยิบมันมาเพื่ออ่านหรือหาอีเมลบ้างมั้ย

สินค้าตัวอย่างที่ได้มา เคยจะทดลองใช้ หรือศึกษามันเพิ่มเติมบ้างมั้ย โบรชัวร์ที่ได้มา จะทำอะไรกับมันต่อ ปล่อยไว้แล้วขายเป็นเศษกระดาษรึเปล่า ผมเชื่อว่าหลายๆ คนเป็นอย่างนี้ (ผมก็เคยเป็น) และนี่คือข้อแนะนำครับ

หลังจากคุณกลับมาจากงานแสดงสินค้าแล้ว สิ่งที่คุณได้รับไม่ว่าจะเป็นนามบัตร โบรชัวร์ หรือสินค้าตัวอย่าง ผมแนะนำให้คุณจัดการมันภายใน 2 วัน ไม่ว่าจะเอามาดู หาข้อมูล ติดต่อลูกค้า หรือทดลองสินค้า และหลังจากสองวันแล้ว หากยังไม่ทำอะไรกับมัน ผมแนะนำให้คุณทิ้งไปเลยครับ เพราะเชื่อเหอะว่าหากเราไม่ทำอะไรกับมันภายในสองวัน เราจะไม่ทำมันอีกเลย

 

และนี่คือข้อเสียหรือข้อที่ต้องปรับปรุงสำหรับผู้ส่งออกไทย เพื่อให้การนำเสนอสินค้าของเรานั้นเป็นแบบมืออาชีพ จำไว้เสมอว่าหากเราเป็นผู้ส่งออกมืออาชีพ เราก็จะเจอแต่ผู้นำเข้ามืออาชีพครับ

ขอให้โชคดีครับ

สนใจสมัครเรียนนำเข้าส่งออก อ่านที่นี่

Leave a Comment