ตลาดทางเลือกในการส่งออกนอกจากสหรัฐอเมริกา
สหรัฐอเมริกาถือเป็นตลาดส่งออกที่สำคัญของไทยมาช้านาน โดยเฉพาะในกลุ่มสินค้าอุตสาหกรรม อาหาร และสินค้าแปรรูป อย่างไรก็ตาม ปัจจัยด้านภาษีนำเข้าและการเจรจาการค้าที่ยังไม่เป็นผล อาจส่งผลให้ผู้ประกอบการไทยต้องมองหาตลาดทางเลือกอื่น ที่มีศักยภาพใกล้เคียงหรือเปิดโอกาสมากกว่าเดิม
บทความนี้ขอแนะนำ “10 ตลาดส่งออกทางเลือก” สำหรับผู้ประกอบการไทย ที่ต้องการลดการพึ่งพาตลาดสหรัฐฯ และขยายโอกาสไปยังภูมิภาคที่มีแนวโน้มเติบโตต่อเนื่อง ทั้งในเชิงประชากร กำลังซื้อ และความต้องการสินค้าไทย
1. อินเดีย (India)
อินเดียเป็นตลาดที่มีประชากรอันดับ 1 ของโลก และมีกลุ่มชนชั้นกลางที่เติบโตอย่างรวดเร็ว สินค้าไทยที่ได้รับความนิยม ได้แก่ อาหารแปรรูป สมุนไพร เครื่องสำอาง และชิ้นส่วนยานยนต์ ปัจจุบันไทยและอินเดียมีความร่วมมือทางเศรษฐกิจในหลายมิติ และอยู่ในกระบวนการเจรจา FTA แบบทวิภาคีเพิ่มเติม
2. สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ (UAE)
UAE เป็นประตูสู่ตลาดตะวันออกกลาง ด้วยศูนย์กลางโลจิสติกส์อย่างดูไบ สินค้าที่ไทยสามารถเจาะได้ดี เช่น อาหารฮาลาล ผลไม้สด เฟอร์นิเจอร์ และของใช้ในโรงแรม ตลาดนี้นิยมสินค้าเกรดพรีเมียมและมีความสามารถในการจ่ายสูง
3. จีนตอนใน (Second-tier cities in China)
แม้ตลาดจีนใหญ่จะมีการแข่งขันสูง แต่เมืองระดับรอง เช่น ฉงชิ่ง ซีอาน คุนหมิง กลับมีช่องว่างและความต้องการสินค้าคุณภาพดีจำนวนมาก สินค้าไทย เช่น ขนม อาหารแช่แข็ง และเครื่องดื่มสุขภาพ เป็นที่นิยมอย่างต่อเนื่อง
4. แอฟริกาใต้ (South Africa)
เป็นตลาดนำร่องในแอฟริกา ด้วยระบบการค้าแบบตะวันตกและความต้องการนำเข้าสินค้าจากเอเชีย โดยเฉพาะอาหาร เสื้อผ้า วัสดุก่อสร้าง และผลิตภัณฑ์จากสมุนไพร นอกจากนี้ยังเป็นศูนย์กระจายสินค้าไปยังประเทศเพื่อนบ้านในภูมิภาค SADC
5. เวียดนาม
ประเทศเพื่อนบ้านที่เติบโตเร็ว มีการบริโภคที่คล้ายไทย และเปิดรับสินค้าต่างประเทศมากขึ้น ไทยสามารถใช้ความได้เปรียบเชิงภูมิศาสตร์และความใกล้ชิดทางวัฒนธรรม ส่งสินค้าอาหาร เครื่องดื่ม และผลิตภัณฑ์เพื่อสุขภาพเข้าไปได้ง่าย
6. บังคลาเทศ
เป็นตลาดใหม่ที่มีประชากรมากและกำลังพัฒนาเร็ว ความต้องการสินค้าอุปโภคบริโภคสูงขึ้น สินค้าไทยสามารถเจาะเข้าไปได้ผ่านระบบตัวแทนหรือการร่วมทุนกับท้องถิ่น ทั้งอาหาร วัสดุก่อสร้าง และเครื่องใช้ไฟฟ้า
7. ซาอุดีอาระเบีย
ภายใต้นโยบาย Vision 2030 ของซาอุฯ รัฐบาลส่งเสริมการนำเข้าสินค้าคุณภาพ เพื่อปรับภาพลักษณ์ประเทศให้ทันสมัยขึ้น ความต้องการในสินค้าอาหารสด อาหารฮาลาล และผลิตภัณฑ์เพื่อสุขภาพมีแนวโน้มเพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ โดยเฉพาะจากเอเชีย
8. บราซิล
แม้จะไกล แต่ตลาดนี้มีประชากรมากที่สุดในลาตินอเมริกา และนิยมสินค้านำเข้าอย่างอาหารสำเร็จรูป เสื้อผ้า และผลิตภัณฑ์ความงาม ปัจจุบันไทยยังไม่มีการแข่งขันสูงมาก จึงเป็นโอกาสสำหรับผู้ประกอบการที่มองไกล
9. ออสเตรเลีย
เป็นตลาดพัฒนาแล้วที่คนไทยมักมองข้าม ออสเตรเลียมีความต้องการสินค้านำเข้าสูง โดยเฉพาะสินค้าสุขภาพ อาหารเอเชีย เครื่องใช้ไฟฟ้าขนาดเล็ก ซึ่งไทยสามารถใช้สิทธิประโยชน์ภายใต้ FTA ไทย-ออสเตรเลีย ได้อย่างเต็มที่
10. เม็กซิโก
แม้ห่างไกลแต่มีศักยภาพสูง เนื่องจากเป็นสมาชิก USMCA (NAFTA เดิม) จึงเป็นฐานส่งออกเชิงยุทธศาสตร์สำหรับผู้ที่ต้องการส่งออกไปยังอเมริกาเหนือ ไทยสามารถส่งออกอาหาร เครื่องใช้ในครัวเรือน และอุปกรณ์ตกแต่งบ้านได้ดี
บทสรุป
แม้สหรัฐอเมริกาจะยังเป็นตลาดใหญ่ที่น่าสนใจ แต่ความไม่แน่นอนด้านนโยบายและภาษีนำเข้าทำให้ผู้ประกอบการไทยควร “กระจายความเสี่ยง” ไปยังตลาดใหม่ ๆ ที่กำลังเติบโต และพร้อมเปิดรับสินค้าจากไทย
การมองหาตลาดทางเลือกอย่างมีกลยุทธ์ คือทางออกสำคัญที่จะช่วยให้ธุรกิจส่งออกของไทยยั่งยืน เติบโต และแข่งขันได้ในระดับโลก โดยเฉพาะในยุคเศรษฐกิจที่เปลี่ยนแปลงเร็วอย่างปัจจุบัน