Shipping Mark คืออะไร
หากเรานึกภาพการขนส่งสินค้าทางเรือและทางเครื่องบิน ไม่ว่าผู้ส่งออกรายเล็กรายใหญ่ ก็นิยมใช้กล่องกระดาษลูกฟูกสีน้ำตาล ในการบรรจุสินค้าด้วยกันทั้งนั้น ดูเผินๆ เหมือนไม่มีอะไรน่าแปลกใจ แต่หากในการทำงานจริง เมื่อสายเรือเปิดตู้คอนเทนเนอร์ออกมาเพื่อรับของออก หรือสายการบินเปิดพื้นที่บรรทุกของออกมา คงจะต้องสงสัยว่ากล่องใบไหนเป็นของบริษัทอะไร เพราะแทบทุกที่ใช้กล่องกระดาษลูกฟูกเหมือนกันนั่นเอง
ดั้งนั้น สายการบิน สายเรือ รวมถึงศุลกากร ต่างมีข้อตกลงกันว่า หากมีการขนส่งแบบรวมตู้หรือบนเครื่องบิน จะต้องมีสัญลักษณ์อะไรบางอย่างระบุไว้ข้างกล่องเพื่อแยกแยะผู้ส่งออกให้ชัดเจน จึงเกิดการใช้เครื่องหมายสัญลักษณ์บนกล่องหรือที่เรียกว่า Shipping Mark นั่นเอง
Shipping Mark ต้องทำกระดาษแบบไหน
โดยทั่วไปเราสามารถทำสัญลักษณ์อะไรก็ตามติดไว้บนกระดาษลังของเรา ไม่ว่าจะเป็นการพิมพ์ไปบนลัง การนำกระดาษ A4 มาแปะบนลัง หรือการเขียนด้วยปากกา สามารถทำได้หมด
ข้อความบน Shipping Mark ต้องมีอะไรบ้าง
การกำหนดข้อความบน Shipping Mark นั้นไม่มีอะไรตายตัว เราสามารถใส่อะไรก็ได้ เช่น ชื่อบริษัทผู้ส่งออก ผู้นำเข้า โลโก้หรือยี่ห้อของสินค้าเรา สามารถใส่ได้ทั้งตัวหนังสือและรูปภาพ แต่ในบางกรณีหรือบางประเทศ จะมีข้อบังคับในการใส่ Shipping Mark เพื่อให้ง่ายต่อศุลกากรประเทศนั้นๆ เช่น อินเดีย หากเป็นสินค้าอาหาร ต้องพิมพ์บนกระดาษ A4 ถึงชื่ออาหาร และรวมถึงจุดสีเขียว เพื่อเป็นสัญลักษณ์ว่านี่คือสินค้าหมวดอาหารนั่นเอง
ขั้นตอนการทำ Shipping Mark
เมื่อเราจะส่งออกแล้ว เราจะต้องแสดง Shipping Mark ที่ไหนบ้าง
- พิมพ์หรือเขียนบนกล่องกระดาษสินค้าจริง
- นำข้อความนั้นมาเขียนบน Packing List
- เมื่อสายเรือ สายการบินได้ข้อมูลแล้วจะนำไปเขียนบน Bill of Lading หรือ Airway Bill
- เมื่อปลายทางรับของแล้ว ก็จะนำสินค้าจริงมาเทียบ Shipping Mark เพื่อตรวจสอบว่าสินค้าไหนเป็นของบริษัทใด