สาเหตุหลักที่คนไทยไม่นิยมทำธุรกิจกับต่างชาติคือการใช้ภาษาต่างประเทศ เนื่องจากประเทศเรามีวัฒนธรรมที่มีเอกลักษณ์มีความภาคภูมิใจเป็นของตัวเอง เช่นเดียวกับญี่ปุ่นและจีน รวมถึงเราเป็นประเทศที่อุดมสมบูรณ์ด้วยทรัพยากร คนไทยหากินในเมืองไทยก็เพียงพอไม่ต้องดิ้นรนออกไปแสวงหาในต่างแดน จึงไม่ได้ให้ความสำคัญกับเรื่องราวของต่างประเทศมากนัก ทำให้การใช้ภาษาต่างประเทศถูกคนไทยเรามองข้ามไปพอสมควร
แต่ในยุคที่ AEC กำลังจะเริ่ม จะมีกองทัพต่างชาติเข้ามาในไทย ซึ่งตอนนี้ก็เข้ามากันมากแล้ว เราจะไม่ได้ยินเฉพาะภาษาไทยในท้องถนนของบ้านเราอีกต่อไป คิดว่าท่านคงเคยสังเกตกับตัวว่าคนหน้าตาเหมือนๆกัน เดินผ่านกันไป ปรากฏว่าพูดจีน พูดเกาหลีกันปร๋อเลยก็มี
ในการทำธุรกิจระหว่างประเทศภาษาอังกฤษเป็นภาษาที่นิยมใช้กันมากที่สุด เอกสารทุกอย่างที่เกี่ยวกับการส่งออกเป็นภาษาอังกฤษ การพูดคุยสื่อสารส่งอีเมลก็ใช้ภาษาอังกฤษ แม้แต่ในอาเซียนเราก็ใช้ภาษาอังกฤษเป็นภาษากลางในการติดต่อระหว่างกัน คนญี่ปุ่นที่สมัยก่อนไม่นิยมพูดภาษาอื่นนอกจากภาษาตัวเองก็เริ่มปรับเปลี่ยนเข้าหาคนต่างชาติมากขึ้น จะสังเกตได้ว่าคนญี่ปุ่นสมัยนี้พูดภาษาอังกฤษเยอะมากขึ้นกว่าแต่ก่อน คนจีนเองก็เหมือนกัน ในขณะที่เราพยายามคร่ำเคร่งนิยมเรียนภาษาจีนกันมากขึ้นเพื่อไว้ใช้ค้าขายกับคนจีน ในทางตรงกันข้าม คนจีนเองก็นิยมเรียนและฝึกพูดภาษาอังกฤษให้มากขึ้น ในการติดต่อกับคนจีนสมัยนี้ ก็ใช้ภาษาอังกฤษเป็นหลักเหมือนกัน ฉะนั้นแล้วภาษาอังกฤษจึงถือว่ามีบทบาทมากที่สุด และถือว่าเป็นภาษาที่เราต้องพูดเป็น
บางท่านอาจจะบอกว่าภาษาอังกฤษมันยากไปกลัวคนต่างประเทศไม่เข้าใจหาว่าเราพูดไม่รู้เรื่อง เจอฝรั่งแล้วกลัว จริงๆ แล้วฝรั่งหัวแดงๆ หลายคนก็พูดภาษาอังกฤษไม่เป็น เพราะประเทศเค้าไม่ได้ใช้ภาษาอังกฤษเป็นภาษาราชการเหมือนกัน ลูกค้าผมบางรายก็ออกตัวก่อนเลยว่า “ซอรี่ ภาษาอังกฤษไอไม่ค่อยเก่งนะ” จนทำให้เราต้องพูดคุยกันจนเมื่อยมือเลยทีเดียว ฉะนั้นแล้วภาษาอังกฤษก็ไม่ใช่เรื่องน่ากลัวนักสำหรับคนไทยนะครับ
ส่วนข้อสงสัยว่าเราควรเป็นกี่ภาษา ก็ตอบแบบขวานผ่าซากว่าท่านอยากค้าขายกับประเทศไหนก็ควรเป็นภาษาของประเทศนั้น ยิ่งเป็นเยอะยิ่งดี ไม่ต้องเก่งขนาดว่าพูดได้เป๊ะ ขอแค่ทักทายได้ ไปประเทศเค้าขอข้าวกินได้ กลับโรงแรมถูก แค่นี้ก็พอแล้วครับ การทักทายเป็นภาษาของประเทศนั้นๆ จะช่วยให้เราเป็น
ข้อดีอีกอย่างสำหรับการเป็นภาษาต่างประเทศ คือ เราสามารถสื่อสารได้กับคนทั่วโลก ลองคิดดูสิครับ ประชากรในโลกมีประมาณ 7 พันล้านคน คนจีนมี 1 พันล้าน ถ้าเราพูดภาษาจีนได้ เราก็สื่อสารได้กับคน 1 พันล้านคนทั่วโลกแล้ว ถ้ารวมกับภาษาอังกฤษ ภาษาฮินดี ภาษาละติน ก็คุยกับคนได้ครึ่งโลกแล้วครับ เราไปเที่ยวไหนก็ไม่อดตายแน่นอน
พูดมาถึงขนาดนี้แล้วคงไม่มีอะไรที่จะสรุปนอกจากเชิญชวนให้ผู้ที่ต้องการทำธุรกิจส่งออกมาฝึกภาษาต่างประเทศกันเถอะครับ ผมไม่อยากให้แค่คำว่าพูดภาษาอังกฤษไม่เป็นมาขัดขวางโอกาสของธุรกิจเราในตลาดโลกนะครับ คนทั่วโลกกำลังต้องการสินค้าท่านอยู่ ถ้าท่านไม่ฝึกภาษาต่างประเทศเสียแต่วันนี้ จะเสียดายโอกาสมากมายมหาศาลเลยนะครับ
ถ้าภาษาอังกฤษมันแย่ ก็แก้ที่ตัวเราซะ
หนึ่งในอุปสรรคที่สำคัญที่สุดของการทำส่งออก ไม่ใช่เรื่องเอกสารครับ แต่เป็นเรื่องของภาษา
ภาษาอังกฤษมีความสำคัญมากในการทำนำเข้าส่งออก ไม่ว่าเราจะเป็นคนพูดภาษาอะไรก็ตาม และผลเสียก็คือทำให้เราทำนำเข้าส่งออกไม่ได้นี่แหละ
ซึ่งการไม่รู้ภาษาอังกฤษนี่เอง ทำให้คนไทยจำนวนมาก ไม่ทำธุรกิจส่งออก ทั้งที่สินค้าไทยมีศักยภาพมากมายมหาศาล เราจึงปล่อยให้คนต่างชาติเข้ามาหาซื้อสินค้าเอง แทนที่จะบุกตะลุยออกไปหาลูกค้าด้วยตัวเอง
จากตารางด้านบนจะเห็นว่าคนทั่วโลกพูดภาษาไทยแค่เพียง 60 กว่าล้านคนเอง ซึ่งก็มีแต่ประเทศไทยเท่านั้นแหละ ฉะนั้น ถ้าเราจะไปติดต่อสื่อสารเพื่อค้าขายกับต่างชาติ ต้องเข้าใจภาษาต่างประเทศ อย่างน้อยๆ ก็ภาษาอังกฤษนะครับ
จากในตารางด้านบนเราจะเห็นว่า คนพูดภาษาอังกฤษได้มีจำนวน 365 ล้านคน เพิ่มขึ้นจากคนไทย 5 เท่าตัว หรือถ้าได้ภาษาจีนด้วย ก็จะคุยกับคนทั่วโลกเพิ่มขึ้นได้อีกพันล้านคน หรือ 1 ใน 6 เลยนะครับ
สรุปง่ายๆ ก็คือ ถ้าเราเก่งภาษาอังกฤษ หรือภาษาต่างชาติ ธุรกิจเราก็จะเปิดตลาดได้เพิ่มขึ้นอีกนั่นเอง
คนไทยเราหลายๆ คนเก่งภาษาอังกฤษมาก แต่ก็มีจำนวนมากมายที่ไม่เก่งภาษาอังกฤษ หรือเข้าขั้นห่วย
นั่นเป็นเพราะหลายสาเหตุ ไม่ว่าจะเป็นการที่ภาษาอังกฤษไม่ใช่ภาษาที่เราถูกบังคับให้ใช้ หรือเพราะวิธีการสอนภาษาอังกฤษในบ้านเรานั้นขาดประสิทธิภาพอย่างรุนแรง คนที่พูดได้เลยมีแค่คนที่ตั้งใจหรือเก่งจริงๆ เท่านั้น
ทีนี้ก็จะมีคำถามว่า ถ้าไม่รู้ภาษาอังกฤษ แต่อยากส่งออก จะทำยังไงดี
คำตอบที่ถูกต้องร้อยเปอร์เซ็นต์คือ “ไปเรียนภาษาอังกฤษ” สิ
เหมือนเราอยากเป็นหมอ แต่เราไม่เรียนฟิสิกส์ เคมี ชีวะก็คงไม่ได้
แต่ก็จะมีคนเถียงว่า ต้องเรียนนานแค่ไหน เรียนเยอะแค่ไหน คำตอบคือ การทำส่งออกก็เหมือนอาชีพอื่นๆ เรารู้เฉพาะคำศัพท์สำคัญๆ เท่านั้น
และก็จะมีคนอีกประเภทที่คิดว่ามันไม่ใช่ทางแก้ปัญหา เพราะว่าเราอยากค้าขาย กับต่างชาติ แต่เราไม่อยากพัฒนาตนเอง ถ้าเป็นแบบนี้ ผมแนะนำให้ไปเปลี่ยนทัศนคติก่อนจะทำอะไรกับชีวิตนะครับ
อย่างที่ผมเคยเล่าไว้ในบทความก่อนหน้านี้ คนจีนคนนึง พูดได้แต่ภาษาจีน อังกฤษไม่ได้แน่ๆ แต่เค้าสามารถมาค้าขายในเมืองไทย ที่ไม่ค่อยมีใครพูดจีนได้ นั่นเป็นเพราะ เค้าไม่เอาอุปสรรคด้านภาษามาเป็นอุปสรรคในการทำธุรกิจครับ