ส่งออกจีน, จีนในปี 2025 จีนยังคงเป็นหนึ่งในตลาดส่งออกที่ใหญ่และสำคัญที่สุดของไทย ทั้งในด้านมูลค่าการค้า ความหลากหลายของสินค้า และโอกาสในการขยายตัวอย่างต่อเนื่อง ในปี 2025 นี้ แม้เศรษฐกิจจีนจะชะลอตัวบางส่วนจากปัจจัยภายในและภายนอกประเทศ แต่ก็ยังคงเป็น “ตลาดที่น่าจับตามอง” โดยเฉพาะสำหรับสินค้าไทยที่มีเอกลักษณ์และคุณภาพสูง บทความนี้จะพาผู้ประกอบการไทยเจาะลึก แนวโน้มตลาดส่งออกจีนในปี 2025, กลุ่มสินค้าที่มีโอกาสเติบโตสูง และกลยุทธ์สำคัญในการเจาะตลาดจีนยุคใหม่ 1. จีนในปี 2025: ชะลอตัวแต่ยังยิ่งใหญ่ ในปี 2025 จีนยังคงเป็น ประเทศคู่ค้ารายใหญ่ที่สุดของไทย ทั้งในแง่การส่งออกและการนำเข้า แม้จะเผชิญความท้าทายทางเศรษฐกิจ เช่น ภาวะชะลอตัวภาคอสังหาริมทรัพย์ การลดการบริโภคภายในประเทศ และนโยบาย Zero-COVID ที่เพิ่งสิ้นสุดไปไม่นาน แต่รัฐบาลจีนได้เริ่มใช้มาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจ ทั้งในระดับท้องถิ่นและระดับประเทศ ทั้งหมดนี้คือ “สัญญาณบวก” สำหรับผู้ส่งออกไทยที่รู้จักปรับตัว 2. สินค้าไทยที่มีศักยภาพในตลาดจีน 2025 2.1 อาหารและเครื่องดื่ม อาหารไทยยังคงครองใจชาวจีน ทั้งในกลุ่มของนักท่องเที่ยวที่เคยมาเที่ยวเมืองไทย และกลุ่มผู้บริโภคที่ชื่นชอบอาหารเอเชีย การที่ไทยมีระบบรับรองคุณภาพและภาพลักษณ์ที่ดีในด้านอาหารปลอดภัย ถือเป็นแต้มต่อในการเจาะตลาดจีน 2.2 สมุนไพรและผลิตภัณฑ์สุขภาพ ผู้บริโภคจีนให้ความสำคัญกับสุขภาพมากขึ้น โดยเฉพาะในกลุ่มวัยกลางคนขึ้นไป ซึ่งมีกำลังซื้อสูงและยินดีจ่ายเพื่อคุณภาพ 2.3 เครื่องสำอางและผลิตภัณฑ์ดูแลร่างกาย แบรนด์ไทยเริ่มมีชื่อเสียงมากขึ้นในตลาดจีน โดยเฉพาะผลิตภัณฑ์ที่เน้นความเป็นธรรมชาติ กลิ่นหอมจากสมุนไพร และไม่มีสารเคมีรุนแรง เช่น การบอกเล่าเรื่องราวแบรนด์ (Brand Storytelling) ผ่านช่องทางออนไลน์ในภาษาจีน มีผลอย่างมากต่อการสร้างยอดขาย 2.4 วัสดุก่อสร้าง เฟอร์นิเจอร์ และของแต่งบ้าน 3. พฤติกรรมผู้บริโภคจีนยุคใหม่ 4. กลยุทธ์การเจาะตลาดจีนในปี 2025 4.1 ใช้ E-commerce เป็นเครื่องมือหลัก 4.2 จับมือกับพาร์ทเนอร์จีน 4.3 เน้นคุณภาพ + เรื่องราวแบรนด์ 4.4 เข้าร่วมงานแสดงสินค้าในจีน 5. ความท้าทายที่ต้องระวัง…
Read Moreความรู้เกี่ยวกับการนำเข้าส่งออก
บังคลาเทศ ประเทศใกล้ตัวที่นิยมสินค้าไทยมาก
บังคลาเทศ, ส่งออกบังคลาเทศ, หากพูดถึงตลาดส่งออกที่ใกล้ไทย ไม่ไกลทางภูมิศาสตร์ และมีศักยภาพเติบโตอย่างต่อเนื่อง หลายคนอาจนึกถึงประเทศใหญ่ ๆ อย่างอินเดีย จีน หรือเวียดนาม แต่มีอีกหนึ่งประเทศที่ผู้ส่งออกไทยไม่ควรมองข้าม นั่นคือ “บังคลาเทศ” — ประเทศเพื่อนบ้านที่กำลังเติบโตอย่างรวดเร็ว และ “รักสินค้าไทยเป็นพิเศษ” บังคลาเทศไม่ใช่แค่ฐานการผลิตสิ่งทอและแรงงานเท่านั้น แต่ยังเป็น ตลาดผู้บริโภคขนาดใหญ่ ที่มีประชากรกว่า 170 ล้านคน กำลังซื้อของชนชั้นกลางเพิ่มขึ้นต่อเนื่อง และนิยมสินค้านำเข้าจากไทยในหลายหมวด บทความนี้จะพาคุณไปรู้จักกับบังคลาเทศในมุมใหม่ เจาะลึกโอกาสการส่งออก พร้อมแนะนำสินค้าที่มีศักยภาพ และแนวทางในการเจาะตลาดอย่างยั่งยืน 1. ทำไมต้อง “บังคลาเทศ”? 2. สินค้าไทยที่ได้รับความนิยมในบังคลาเทศ 2.1 อาหารและเครื่องดื่ม คนบังคลาเทศนิยมอาหารไทยเพราะมีรสชาติใกล้เคียงกับอาหารบังคลาเทศ โดยเฉพาะความจัดจ้าน และความหอมของสมุนไพร 2.2 เครื่องสำอางและผลิตภัณฑ์ดูแลร่างกาย 2.3 สินค้าเพื่อสุขภาพ ตลาดสุขภาพในบังคลาเทศขยายตัวตามแนวโน้มคนรุ่นใหม่ที่ใส่ใจสุขภาพ และเปิดรับสินค้าจากประเทศอย่างไทยซึ่งมีภาพลักษณ์เชิงบวกด้านสมุนไพรและการแพทย์แผนไทย 2.4 วัสดุก่อสร้างและของใช้ในบ้าน 2.5 ชิ้นส่วนยานยนต์และจักรยานยนต์ 3. ช่องทางในการเข้าสู่ตลาดบังคลาเทศ 3.1 ส่งผ่านตัวแทนจำหน่าย (Local Importer/Distributor) การหาพาร์ทเนอร์ในท้องถิ่นยังเป็นช่องทางหลักที่มีประสิทธิภาพมากที่สุด เพราะคนบังคลาเทศให้ความเชื่อมั่นในแบรนด์ต่างประเทศที่มีหน้าร้านหรือตัวแทนชัดเจน 3.2 ช่องทางออนไลน์ ตลาด E-Commerce ในบังคลาเทศกำลังเติบโต โดยเฉพาะผ่านแพลตฟอร์มอย่าง Daraz (ในเครือ Alibaba), Chaldal และ AjkerDealการทำตลาดผ่านโซเชียลมีเดีย เช่น Facebook, TikTok, Instagram ก็มีผลมาก โดยเฉพาะในกลุ่มวัยรุ่นและผู้หญิง 3.3 งานแสดงสินค้า สามารถเข้าร่วมงานแสดงสินค้าในบังคลาเทศ เช่น: 4. จุดแข็งของสินค้าไทยในบังคลาเทศ 5. ข้อควรระวัง 6. ตัวอย่างสินค้าและแบรนด์ไทยที่ได้รับความนิยม 7. สรุป: บังคลาเทศ – โอกาสที่ยัง…
Read Moreขั้นตอนการส่งออกหมาก – โอกาสธุรกิจจากผลไม้พื้นบ้านสู่ตลาดโลก
ขั้นตอนการส่งออกหมาก – โอกาสธุรกิจจากผลไม้พื้นบ้านสู่ตลาดโลก ส่งออกหมาก “หมาก” หรือที่ต่างประเทศเรียกว่า Betel Nut / Areca Nut เป็นผลผลิตทางการเกษตรที่ใช้บริโภคในหลายประเทศ โดยเฉพาะในเอเชียใต้และเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ เช่น อินเดีย บังกลาเทศ ปากีสถาน เมียนมา อินโดนีเซีย และศรีลังกา ซึ่งมีวัฒนธรรมการเคี้ยวหมากเป็นส่วนหนึ่งของวิถีชีวิต แม้ในประเทศไทยการบริโภคหมากจะลดลง แต่หมากไทยกลับเป็นที่นิยมในต่างประเทศ ด้วยคุณภาพ รสชาติ และกลิ่นเฉพาะตัว ทำให้เกิดโอกาสในการ ส่งออกหมากสด หมากแห้ง และหมากแปรรูป ไปยังตลาดต่างประเทศอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะในกลุ่มประเทศ SAARC 1. รูปแบบของหมากที่ส่งออก ประเภทหมาก รายละเอียด กลุ่มตลาด หมากสด (Fresh Areca Nut) นิยมส่งออกไปใช้แปรรูปต่อ อินเดีย เมียนมา หมากแห้ง (Dried Areca Nut) ใช้บริโภคโดยตรงหรือบดเป็นผง บังกลาเทศ ปากีสถาน หมากผ่า (Split Nut) ผ่าครึ่งแล้วตากแห้ง เพิ่มมูลค่า ตะวันออกกลาง เอเชียใต้ หมากแปรรูป (เช่น หมากปรุงรส) ใช้ในอุตสาหกรรมอาหาร หรือสมุนไพร กลุ่มตลาดเฉพาะพรีเมียม 2. ขั้นตอนการเตรียมหมากเพื่อส่งออก ✅ 1. คัดเลือกวัตถุดิบคุณภาพ ✅ 2. แปรรูปเบื้องต้น (ถ้ามี) ✅ 3. บรรจุภัณฑ์ 3. ขั้นตอนการส่งออกหมาก ✅ 1. ตรวจสอบตลาดและข้อกำหนดประเทศปลายทาง ✅ 2. ขอใบรับรองสุขอนามัยพืช (Phytosanitary Certificate) ✅ 3. จดทะเบียนเป็นผู้ส่งออก…
Read Moreสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ ตลาดที่น่าสนใจของสินค้าส่งออกไทย
ส่งออกสินค้าไปดูไบ, ส่งออกสินค้าสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์, ส่งออกยูเออี บทนำ ในยุคที่ตลาดโลกมีความไม่แน่นอนสูง ผู้ประกอบการไทยจำเป็นต้องมองหาตลาดส่งออกใหม่ที่มีศักยภาพ สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ (United Arab Emirates: UAE) คือหนึ่งในประเทศที่น่าจับตาอย่างยิ่ง ด้วยบทบาทของประเทศนี้ในฐานะ “ประตูการค้า” สู่ตะวันออกกลาง แอฟริกา และยุโรป การเติบโตทางเศรษฐกิจที่มั่นคง รวมถึงกำลังซื้อที่สูงของประชากร ทำให้ UAE เป็นตลาดที่น่าสนใจและมีศักยภาพสูงมากสำหรับสินค้าไทยหลายกลุ่ม บทความนี้จะพาผู้ประกอบการมาทำความรู้จักกับตลาด UAE เจาะลึกโอกาสส่งออก และเตรียมกลยุทธ์ในการเจาะตลาดให้สำเร็จ 1. รู้จัก UAE ในฐานะประตูสู่ตะวันออกกลาง UAE เป็นประเทศขนาดไม่ใหญ่มาก มีประชากรราว 10 ล้านคน แต่กว่าร้อยละ 85 เป็นชาวต่างชาติ ส่งผลให้วัฒนธรรมการบริโภคมีความหลากหลายและเปิดกว้างต่อสินค้าใหม่ ๆ นอกจากนี้ UAE ยังเป็น ศูนย์กลางโลจิสติกส์ระดับโลก โดยเฉพาะเมืองดูไบ (Dubai) ซึ่งมีท่าเรือ Jebel Ali และสนามบินนานาชาติที่เชื่อมต่อการค้ากับประเทศรอบข้าง และยังเป็นจุดเชื่อมโยงสินค้าไปยังกลุ่มประเทศ GCC (Gulf Cooperation Council) ซึ่งประกอบด้วย บาห์เรน คูเวต โอมาน กาตาร์ ซาอุดีอาระเบีย และ UAE เอง UAE มีรายได้หลักจากน้ำมันและก๊าซธรรมชาติ แต่รัฐบาลได้ผลักดันนโยบาย “Diversification” หรือการกระจายรายได้ไปยังภาคบริการ การท่องเที่ยว และโลจิสติกส์ ทำให้เศรษฐกิจประเทศมีความมั่นคงและเปิดกว้างต่อนักลงทุนต่างชาติ 2. สินค้าไทยที่มีศักยภาพในตลาด UAE UAE เป็นตลาดที่บริโภคสินค้าเกรดพรีเมียม โดยเฉพาะสินค้าอาหารและสุขภาพ หากวิเคราะห์ตามกลุ่มสินค้าแล้ว จะพบว่าสินค้าไทยที่มีศักยภาพในการส่งออกไปยังตลาดนี้ ได้แก่: 2.1 อาหารและเครื่องดื่ม (Halal Food & Beverage) 2.2 เครื่องสำอางและผลิตภัณฑ์ดูแลร่างกาย 2.3…
Read Moreด่านชายแดนในประเทศไทย: ประตูการค้าสู่ประเทศเพื่อนบ้าน
ด่านชายแดนในประเทศไทย: ประตูการค้าสู่ประเทศเพื่อนบ้าน ประเทศไทยตั้งอยู่ในจุดยุทธศาสตร์สำคัญของภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ มีพรมแดนติดกับ 4 ประเทศ ได้แก่ เมียนมา ลาว กัมพูชา และมาเลเซีย การมีพรมแดนที่เชื่อมต่อกันนี้ก่อให้เกิด “ด่านชายแดน” ซึ่งถือเป็นจุดผ่านแดนสำคัญที่ใช้ในการขนส่งสินค้า การเดินทางของผู้คน รวมถึงการเชื่อมโยงวัฒนธรรม การค้าขาย และเศรษฐกิจระดับภูมิภาค ด่านชายแดนจึงเป็นมากกว่าประตูธรรมดา หากแต่เป็นเส้นเลือดใหญ่ของการค้าระหว่างประเทศ ประเภทของด่านชายแดนในประเทศไทย ด่านชายแดนในประเทศไทยแบ่งออกเป็น 3 ประเภทหลัก ได้แก่ ด่านสำคัญตามภูมิภาค 1. ภาคเหนือ 2. ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ 3. ภาคใต้ บทบาททางเศรษฐกิจของด่านชายแดน ด่านชายแดนของไทยมีบทบาทสำคัญในด้านต่าง ๆ เช่น 1. การส่งเสริมการค้าชายแดน การค้าชายแดนมีมูลค่าหลายแสนล้านบาทต่อปี ด่านเหล่านี้เป็นจุดขนถ่ายสินค้าเกษตร อาหารแปรรูป อุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ เครื่องใช้ไฟฟ้า และสินค้าจากไทยไปยังประเทศเพื่อนบ้าน 2. การกระจายสินค้าและบริการ ด่านชายแดนเป็นช่องทางที่ช่วยให้สินค้าจากประเทศไทยสามารถเข้าไปยังตลาดประเทศ CLMV (กัมพูชา ลาว เมียนมา เวียดนาม) ได้อย่างรวดเร็ว โดยไม่ต้องผ่านการขนส่งทางทะเลที่อาจมีต้นทุนสูงกว่า 3. การสร้างรายได้ในพื้นที่ การค้าชายแดนสร้างงาน สร้างรายได้ให้กับประชาชนในพื้นที่ มีการเกิดขึ้นของตลาดชายแดน ศูนย์กระจายสินค้า ลานขนถ่าย และคลังสินค้าชายแดน ความท้าทายในการบริหารจัดการด่านชายแดน แม้ด่านชายแดนจะมีศักยภาพสูง แต่ก็เผชิญกับปัญหาหลายประการ เช่น แนวโน้มและการพัฒนาในอนาคต รัฐบาลไทยได้ให้ความสำคัญกับการพัฒนาด่านชายแดนอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะในเขตพัฒนาเศรษฐกิจพิเศษ (SEZ) เช่น บทสรุป ด่านชายแดนของประเทศไทยไม่ได้มีเพียงบทบาทด้านการควบคุมพรมแดนหรือรักษาความปลอดภัยเท่านั้น แต่ยังเป็นเส้นทางยุทธศาสตร์ของเศรษฐกิจระดับภูมิภาคที่เชื่อมโยงไทยกับประเทศเพื่อนบ้าน ด่านเหล่านี้จึงควรถูกพัฒนาและบริหารจัดการอย่างมีประสิทธิภาพ เพื่อผลักดันให้ประเทศไทยเป็นศูนย์กลางการค้าและโลจิสติกส์ของอาเซียนในอนาคต
Read Moreการส่งออกสินค้าไทยไปอิหร่าน – โอกาสที่หลายคนมองข้ามในตลาดตะวันออกกลาง
ส่งออกอิหร่าน, ส่งออกตะวันออกกลาง เมื่อพูดถึงการส่งออกไปยังตะวันออกกลาง หลายคนมักนึกถึงตลาดยอดนิยมอย่างสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ ซาอุดีอาระเบีย หรือกาตาร์ แต่อีกประเทศหนึ่งที่มีศักยภาพและยัง “มีคู่แข่งน้อย” ก็คือ อิหร่าน (Iran) ประเทศที่มีประชากรมากกว่า 88 ล้านคน และมีความต้องการสินค้านำเข้าสูงอย่างต่อเนื่อง แม้อิหร่านจะอยู่ภายใต้การคว่ำบาตรจากบางประเทศ และมีข้อจำกัดในการชำระเงินระหว่างประเทศ แต่หากผู้ส่งออกไทยเข้าใจระบบ เข้าใจวัฒนธรรม และใช้ช่องทางที่ถูกต้อง อิหร่านถือเป็น “ตลาดทางเลือกใหม่” ที่น่าจับตามอง โดยเฉพาะในกลุ่มสินค้าอุปโภคบริโภค ยา อาหารเสริม สมุนไพร และสินค้าฮาลาล 1. รู้จักอิหร่านในฐานะตลาดส่งออก 2. สินค้าไทยที่มีโอกาสในตลาดอิหร่าน ✅ สินค้าอาหารและเครื่องดื่ม ✅ สมุนไพรและผลิตภัณฑ์สุขภาพ ✅ สินค้าเพื่อความงามและดูแลร่างกาย ✅ สินค้าทางอุตสาหกรรมเบา 3. ข้อควรรู้เกี่ยวกับการส่งออกไปอิหร่าน ❗ ข้อจำกัดจากการคว่ำบาตร อิหร่านยังอยู่ภายใต้การคว่ำบาตรจากสหรัฐอเมริกาและบางประเทศในยุโรป ซึ่งส่งผลต่อ: แต่ข่าวดีคือ ไทยยังสามารถส่งออกไปอิหร่านได้ตามปกติ หากใช้วิธีชำระเงินและโลจิสติกส์อย่างเหมาะสม ✅ ช่องทางการชำระเงินที่นิยม 4. ขั้นตอนการส่งออกสินค้าไปอิหร่าน 5. งานแสดงสินค้าที่เกี่ยวข้องกับตลาดอิหร่าน การเข้าร่วมงานเหล่านี้จะช่วยให้ผู้ประกอบการไทยได้พบผู้นำเข้าโดยตรง และเข้าใจรสนิยมผู้บริโภคมากขึ้น 6. ข้อดีของการเจาะตลาดอิหร่าน 7. ข้อควรระวัง บทสรุป แม้อิหร่านจะดูเป็นตลาดที่มีความท้าทายสูงกว่าประเทศอื่น แต่ในอีกด้านหนึ่งก็คือ “ตลาดที่ยังไม่มีคนไทยลงสนามมาก” ผู้ประกอบการที่สามารถเข้าถึงตลาดนี้ได้ก่อน ย่อมมีโอกาสสร้างแบรนด์และเครือข่ายธุรกิจได้แบบยั่งยืน หากคุณคือผู้ผลิตไทยที่มีสินค้าอาหาร สมุนไพร เครื่องสำอาง หรือของใช้ที่มีมาตรฐานสูง เป็นธรรมชาติ และเคารพความเชื่อของชาวมุสลิม ตลาดอิหร่านอาจคือ “โอกาสทอง” ที่คุณไม่ควรมองข้าม #ส่งออกอิหร่าน #ตลาดตะวันออกกลาง #สินค้าไทยสู่โลก #HalalExport #InterTraderAcademy #IAmInterTrader #BlueOceanInterBiz
Read Moreส่งออกไปบาห์เรน – ตลาดขนาดเล็กแต่กำลังซื้อสูงที่ผู้ส่งออกไทยไม่ควรมองข้าม
ส่งออกบาห์เรน, ตลาดตะวันออกกลาง, เมื่อพูดถึงการส่งออกสินค้าไทยไปยังตะวันออกกลาง หลายคนอาจนึกถึงตลาดใหญ่ ๆ เช่น สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ ซาอุดีอาระเบีย หรือกาตาร์ แต่มีอีกหนึ่งประเทศเล็กที่น่าสนใจมากในเชิงเศรษฐกิจและพฤติกรรมผู้บริโภค นั่นคือ “บาห์เรน” (Bahrain) แม้บาห์เรนจะเป็นประเทศขนาดเล็กในอ่าวเปอร์เซีย มีประชากรเพียงประมาณ 1.5 ล้านคน แต่กลับมีรายได้ต่อหัวสูง ผู้บริโภคมีกำลังซื้อ และเปิดรับสินค้าไทยอย่างดี โดยเฉพาะในกลุ่มอาหาร ความงาม สมุนไพร และสินค้าเพื่อสุขภาพ บทความนี้จะพาคุณไปรู้จัก “ตลาดบาห์เรน” และแนะแนวทางการส่งออกสินค้าไทยไปยังประเทศที่เล็กแต่ทรงพลังแห่งนี้ 1. ทำไมต้องบาห์เรน? 2. สินค้ายอดนิยมของไทยในตลาดบาห์เรน ✅ สินค้าอาหารและเครื่องดื่ม ✅ สมุนไพรและสุขภาพ ✅ ความงามและเครื่องสำอาง ✅ สินค้าแฟชั่นและของใช้ 3. บาห์เรนในฐานะประตูสู่ GCC บาห์เรนเป็นสมาชิกของ GCC (Gulf Cooperation Council) หรือ “สภาความร่วมมืออ่าวอาหรับ” ซึ่งประกอบด้วย 6 ประเทศ ได้แก่ บาห์เรน คูเวต โอมาน กาตาร์ ซาอุดีอาระเบีย และสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ จุดเด่น: 4. ขั้นตอนส่งออกสินค้าไทยไปบาห์เรน ✅ 1. ตรวจสอบความพร้อมของสินค้า ✅ 2. เตรียมเอกสารส่งออก ✅ 3. เลือกช่องทางขนส่ง ✅ 4. พิจารณาช่องทางการขาย 5. จุดเด่นและความแตกต่างของตลาดบาห์เรน 6. ข้อควรระวัง 7. แนะนำงานแสดงสินค้าที่เกี่ยวข้อง บทสรุป แม้บาห์เรนจะเป็นประเทศขนาดเล็ก แต่ก็มีศักยภาพสูงด้วยกำลังซื้อ การเปิดรับสินค้าใหม่ และความสัมพันธ์อันดีกับไทย ผู้ประกอบการไทยที่ต้องการเริ่มต้นส่งออกไปยังตะวันออกกลาง บาห์เรนคือหนึ่งในประเทศที่ “ง่ายกว่า” และ “เข้าถึงได้”…
Read MoreHarmonized System Code (H.S. Code) : รหัสสินค้าโลกที่ผู้นำเข้าส่งออกต้องรู้
Harmonized System Code: รหัสสินค้าโลกที่ผู้นำเข้าส่งออกต้องรู้ ในโลกของการค้าระหว่างประเทศ ไม่ว่าคุณจะเป็นผู้ประกอบการรายเล็กหรือบริษัทนำเข้าส่งออกขนาดใหญ่ มีสิ่งหนึ่งที่หลีกเลี่ยงไม่ได้และเป็นหัวใจสำคัญของกระบวนการศุลกากร นั่นก็คือ Harmonized System Code หรือที่เรียกสั้น ๆ ว่า HS Code รหัสนี้มีความสำคัญต่อการระบุประเภทของสินค้า การคำนวณภาษีศุลกากร และการปฏิบัติตามข้อกำหนดทางกฎหมายของแต่ละประเทศ HS Code คืออะไร? HS Code (Harmonized System Code) คือ ระบบรหัสมาตรฐานสากลที่ใช้ในการจำแนกประเภทสินค้าในกระบวนการค้าระหว่างประเทศ โดยระบบนี้ได้รับการพัฒนาและดูแลโดย องค์การศุลกากรโลก (World Customs Organization: WCO) ซึ่งมีสำนักงานใหญ่ตั้งอยู่ที่กรุงบรัสเซลส์ ประเทศเบลเยียม ระบบ HS ถูกนำมาใช้ครั้งแรกในปี 1988 และมีการปรับปรุงทุก ๆ 5 ปี เพื่อให้สอดคล้องกับความเปลี่ยนแปลงของสินค้าและแนวโน้มทางการค้าโลก ปัจจุบันมีประเทศสมาชิกมากกว่า 200 ประเทศที่ใช้ระบบนี้ ซึ่งครอบคลุมการค้าระหว่างประเทศกว่า 98% ของโลก โครงสร้างของ HS Code HS Code มีลักษณะเป็นรหัสตัวเลขที่แบ่งออกเป็น 6 หลักหลัก โดยมีรายละเอียดดังนี้: ตัวอย่างเช่น: HS Code ความหมาย 08 ผลไม้และถั่ว 0803 กล้วย 0803.90 กล้วยอื่น ๆ ที่ไม่ใช่กล้วยสดทั่วไป ในหลายประเทศรวมถึงประเทศไทย จะมีการขยายรหัสต่อจาก 6 หลักเป็น 8 หรือ 10 หลัก เพื่อใช้ในประเทศนั้น ๆ โดยอิงจากมาตรฐาน 6 หลักของ WCO ใครเป็นผู้ดูแลระบบ HS Code?…
Read Moreการตั้งราคาสินค้าส่งออก: พื้นฐานสำคัญที่ผู้ประกอบการควรรู้
การตั้งราคาสินค้าส่งออก การส่งออกสินค้าไปยังต่างประเทศไม่ได้มีแค่เรื่องเอกสาร ขนส่ง หรือพิธีการศุลกากรเท่านั้น แต่ยังมีอีกหนึ่งหัวใจสำคัญที่สามารถชี้เป็นชี้ตายความสำเร็จของธุรกิจส่งออกได้เลย นั่นก็คือ “การตั้งราคาสินค้าส่งออก” สำหรับผู้ประกอบการมือใหม่ หรือแม้แต่ธุรกิจที่ดำเนินการมาหลายปีแล้ว การตั้งราคาส่งออกให้เหมาะสมอาจยังคงเป็นเรื่องที่สร้างความสับสน และทำให้เสียโอกาสทางธุรกิจโดยไม่รู้ตัว บางรายตั้งต่ำเกินไปจนกำไรไม่พอเลี้ยงธุรกิจ บางรายตั้งสูงเกินไปจนลูกค้าต่างชาติไม่กล้าซื้อ บทความนี้จะพาคุณไปรู้จักภาพรวมของการตั้งราคาส่งออก ว่าทำไมจึงสำคัญ และมีประเด็นอะไรบ้างที่ผู้ส่งออกควรคำนึงก่อนคิดจะขายสินค้าออกนอกประเทศ ทำไมการตั้งราคาส่งออกถึง “ต่าง” จากราคาขายในประเทศ? หลายคนมักเข้าใจผิดว่าการตั้งราคาส่งออกคือการนำ “ต้นทุน + กำไร” แบบเดียวกับขายในประเทศมาใช้อ้างอิง ซึ่งในความเป็นจริงนั้นไม่พอครับ เพราะการส่งออกมีความซับซ้อนมากกว่า มีต้นทุนแฝงที่มองไม่เห็น และมีปัจจัยระดับ “โลก” เข้ามาเกี่ยวข้อง เช่น นอกจากนี้พฤติกรรมผู้ซื้อในแต่ละประเทศยังแตกต่างกัน เช่น ลูกค้าในญี่ปุ่นให้ความสำคัญกับคุณภาพมากกว่าราคา ส่วนลูกค้าในแอฟริกาหรือเอเชียบางประเทศอาจเน้นที่ราคาถูกที่สุด การตั้งราคาจึงไม่สามารถใช้สูตรตายตัวได้ ตั้งราคาส่งออก = ศิลปะ + กลยุทธ์ + คณิตศาสตร์ การตั้งราคาส่งออกไม่ใช่แค่การ “บวกต้นทุน” แล้ว “บวกกำไร” เหมือนการขายปลีกในประเทศ แต่ต้องคิดเชิงกลยุทธ์ เพื่อให้สินค้าสามารถ: ดังนั้นผู้ส่งออกจึงต้องมี “องค์ความรู้” และ “ทักษะวิเคราะห์” เพื่อประเมินต้นทุนทั้งหมด คำนวณราคาขาย และพิจารณาปัจจัยภายนอกอย่างรอบด้าน ปัจจัยที่ควรคำนึงในการตั้งราคาส่งออก (แบบภาพรวม) ความเสี่ยงจากการตั้งราคาผิด การตั้งราคาส่งออกผิดสามารถส่งผลเสียมากกว่าที่คิด: ดังนั้นการตั้งราคาจึงไม่ควรมองว่าเป็นเรื่องของ “การประมาณ” แต่ควรใช้ข้อมูล ข้อเท็จจริง และกลยุทธ์มาควบคู่กัน ความเข้าใจผิดที่พบบ่อย แล้วจะตั้งราคาส่งออกอย่างมืออาชีพได้อย่างไร? คำตอบคือ ต้องมีความรู้เฉพาะทาง + ประสบการณ์ + เครื่องมือช่วยคิดราคาที่เป็นระบบ และนั่นคือเหตุผลที่เราพัฒนา หลักสูตร “การตั้งราคาสินค้าส่งออกอย่างมืออาชีพ” ขึ้นมา เพื่อช่วยให้ผู้ประกอบการไทยสามารถ: ✅ คำนวณต้นทุนส่งออกได้ครบถ้วน✅ เข้าใจโครงสร้างราคาตาม Incoterms✅ วิเคราะห์ตลาดและคู่แข่งได้✅ ตั้งราคาได้ทั้งแบบ B2B และ B2C✅ วางกลยุทธ์ราคาตามแบรนด์และเป้าหมายธุรกิจ✅ เพิ่มกำไรโดยไม่ต้องลดราคา✅…
Read Moreเอกสารนำเข้าส่งออกเบื้องต้นที่ควรรู้จัก
เอกสารนำเข้าส่งออกเบื้องต้นที่ควรรู้จัก พื้นฐานสำคัญของการค้าระหว่างประเทศที่ผู้ประกอบการต้องไม่พลาด การค้าระหว่างประเทศไม่ใช่แค่การหาสินค้าหรือหาลูกค้าเพียงเท่านั้น แต่ยังรวมถึงขั้นตอนสำคัญที่เรียกว่า “กระบวนการนำเข้าส่งออก” ซึ่งหนึ่งในหัวใจของกระบวนการนี้ก็คือ เอกสารใช่แล้วครับ… เอกสารคือสิ่งที่ “เชื่อมโยง” ระหว่างผู้ขาย ผู้ซื้อ บริษัทขนส่ง ธนาคาร หน่วยงานรัฐ และศุลกากรเข้าด้วยกัน การเข้าใจเอกสารนำเข้าส่งออกเบื้องต้นจึงเป็นสิ่งจำเป็นสำหรับผู้ที่ต้องการทำธุรกิจระหว่างประเทศ เพราะเอกสารแต่ละฉบับล้วนมีบทบาทสำคัญในการอนุมัติ ตรวจสอบ ควบคุม และเคลื่อนย้ายสินค้าอย่างถูกกฎหมาย ทำไมต้องเข้าใจเอกสารนำเข้าส่งออก? เอกสารนำเข้าส่งออกเบื้องต้นที่ควรรู้จัก 1. Commercial Invoice (ใบกำกับสินค้า) คือเอกสารที่ผู้ขายจัดทำเพื่อเรียกเก็บเงินจากผู้ซื้อ โดยระบุรายละเอียดเกี่ยวกับ: ความสำคัญ: ใช้ประกอบการยื่นศุลกากร ชำระเงินผ่านธนาคาร และอ้างอิงการส่งมอบสินค้า 2. Packing List (รายการบรรจุสินค้า) เป็นเอกสารที่ระบุรายละเอียดการบรรจุ เช่น ความสำคัญ: ใช้ในการตรวจสอบสินค้าขณะโหลด-ขนส่ง และตรวจสอบ ณ ด่านศุลกากร 3. Bill of Lading (B/L) หรือ Air Waybill (AWB) เอกสารนี้ออกโดยบริษัทขนส่งหรือสายเรือ แสดงว่าได้รับสินค้าไว้ขนส่ง และจะส่งมอบให้ผู้รับปลายทาง ประเภท B/L มีทั้ง: ความสำคัญ: ใช้รับสินค้า ปล่อยสินค้าที่ปลายทาง และประกอบการขอชำระเงินจากธนาคาร 4. Certificate of Origin (C/O) เอกสารรับรองแหล่งกำเนิดของสินค้า ซึ่งออกโดยหอการค้าหรือหน่วยงานรัฐในประเทศผู้ส่งออก ประโยชน์: ตัวอย่างประเภท C/O: 5. Import / Export Declaration (ใบขนสินค้าขาเข้า/ขาออก) เอกสารที่ใช้ยื่นต่อกรมศุลกากรเพื่อขออนุญาตส่งออกหรือนำเข้าสินค้า ในประเทศไทยสามารถยื่นผ่านระบบ e-Customs หรือผ่านตัวแทนชิปปิ้ง ข้อมูลที่ระบุ เช่น: 6. Insurance Certificate (ใบรับรองประกันภัยสินค้า) ในกรณีที่มีการทำประกันภัยสินค้า (ภายใต้เงื่อนไข…
Read More