ขั้นตอนการส่งออกมังคุด
ขั้นตอนการส่งออกมังคุด – ผลไม้ไทยที่โด่งดังไกลระดับโลก
“มังคุด” ราชินีแห่งผลไม้ไทย ไม่เพียงได้รับความนิยมในประเทศเท่านั้น แต่ยังครองใจผู้บริโภคในหลายประเทศทั่วโลก ด้วยรสชาติหวานอมเปรี้ยว เนื้อขาวฉ่ำนุ่ม กลิ่นหอมเฉพาะตัว ทำให้ มังคุดไทยเป็นที่ต้องการในตลาดส่งออกอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะในประเทศจีน เวียดนาม ฮ่องกง เกาหลีใต้ ญี่ปุ่น และสหรัฐอเมริกา
อย่างไรก็ตาม การส่งออกมังคุดไม่ใช่เรื่องง่าย เพราะเป็น “ผลไม้สด” ที่เน่าเสียง่าย ต้องมีการควบคุมคุณภาพ การบรรจุ การขนส่ง และการขอใบอนุญาตที่สอดคล้องกับข้อกำหนดของประเทศปลายทางอย่างเคร่งครัด บทความนี้จะพาไปรู้จัก ขั้นตอนการส่งออกมังคุด อย่างมืออาชีพ
1. โอกาสของมังคุดไทยในตลาดโลก
- ผลผลิตเฉพาะฤดู (มิ.ย. – ส.ค.) ทำให้มีความพิเศษ
- ไทยเป็นผู้ผลิตมังคุดรายใหญ่ของโลก มีพันธุ์ที่อร่อยกว่าประเทศเพื่อนบ้าน
- ความนิยมสูงในจีน – ถือเป็น “ผลไม้มงคล” และมักมอบเป็นของขวัญ
- ตลาดสุขภาพกำลังมาแรง – มังคุดถูกนำไปแปรรูปเป็นอาหารเสริมและเครื่องดื่ม
2. ประเภทการส่งออกมังคุด
- มังคุดสด (Fresh Mangosteen) – ต้องควบคุมความสด ความสะอาด ไม่มีรอยช้ำ
- มังคุดแช่เย็น / แช่แข็ง – สำหรับประเทศที่ระยะทางไกล เช่น สหรัฐฯ
- มังคุดแปรรูป – เช่น มังคุดอบแห้ง มังคุดกระป๋อง น้ำมังคุด ฯลฯ
3. ขั้นตอนการส่งออกมังคุด (แบบผลไม้สด)
✅ 1. ขึ้นทะเบียนแปลงปลูก
- ต้องขึ้นทะเบียนแปลงปลูกกับ กรมวิชาการเกษตร
- แปลงต้องผ่านมาตรฐาน GAP (Good Agricultural Practice)
- แสดงว่าแปลงปลูกมีการจัดการที่ดี ปลอดภัยจากสารเคมีตกค้าง
✅ 2. จดทะเบียนเป็นผู้ส่งออก
- สมัครเป็น ผู้ส่งออกพืช กับกรมวิชาการเกษตร
- ต้องมีโรงคัดบรรจุที่ขึ้นทะเบียน (Packing House)
- บางประเทศปลายทางกำหนดให้ใช้โรงคัดที่ได้รับรองเฉพาะ เช่น จีน
✅ 3. ขอใบรับรองสุขอนามัยพืช (Phytosanitary Certificate)
- เอกสารสำคัญที่ต้องใช้ในการผ่านด่านศุลกากร
- ต้องผ่านการตรวจสอบจากเจ้าหน้าที่ของกรมวิชาการเกษตรก่อนส่งออก
- ตรวจหาแมลงศัตรูพืช รอยช้ำ ความสะอาด และการบรรจุ
✅ 4. ตรวจสอบเงื่อนไขของประเทศปลายทาง
- จีน: ต้องขึ้นทะเบียนแปลงและโรงคัดกับ GACC ของจีน
- ญี่ปุ่น: ต้องผ่านการอบไอน้ำหรือรมยาเพื่อฆ่าแมลง
- เกาหลีใต้: ต้องตรวจสอบสารเคมีตกค้างอย่างละเอียด
- เวียดนาม / ฮ่องกง: เงื่อนไขน้อยกว่าจีน แต่ยังต้องมีใบรับรองสุขอนามัยพืช
✅ 5. บรรจุภัณฑ์
- ใช้กล่องกระดาษลูกฟูกเจาะรูระบายอากาศ
- ห้ามมังคุดโดนกันจนช้ำ ต้องมีการบุรองกระแทก
- กล่องต้องติดฉลากแสดงแหล่งผลิต รหัสแปลง และโรงคัดบรรจุ
- น้ำหนักนิยม 10–15 กิโลกรัม/ลัง
✅ 6. การขนส่ง
- ใช้ ตู้คอนเทนเนอร์ควบคุมอุณหภูมิ (Reefer Container)
- ควบคุมที่ประมาณ 13–15°C
- หลีกเลี่ยงอุณหภูมิต่ำเกินไป เพราะอาจทำให้เนื้อแห้ง สีเปลี่ยน
- การส่งออกทางอากาศนิยมในตลาดพรีเมียม เช่น ญี่ปุ่น / เกาหลี
4. เอกสารสำคัญในการส่งออกมังคุด
- ใบเสร็จ/ใบกำกับสินค้า (Invoice)
- รายการบรรจุ (Packing List)
- ใบรับรองสุขอนามัยพืช (Phytosanitary Certificate)
- ใบรับรอง GAP หรือ Global GAP
- ใบรับรองแหล่งกำเนิดสินค้า (Certificate of Origin)
- ใบอนุญาตนำเข้า (Import Permit) – ถ้ามีข้อกำหนดจากปลายทาง
5. ช่องทางการขายมังคุดไทยในต่างประเทศ
- ห้างค้าปลีก – ซูเปอร์มาร์เก็ต: เช่น Hema (จีน), Donki (ญี่ปุ่น), Lotte Mart (เกาหลี)
- ตลาดสดระดับบน – ตลาดผลไม้นำเข้า
- อีคอมเมิร์ซ: ผ่านแพลตฟอร์มอย่าง JD.com, Tmall, Shopee, Lazada
- ผู้จัดจำหน่าย (Importer/Distributor) ในประเทศเป้าหมาย
- ตลาดขายตรงจากสวน (Direct Trade) เช่น ผ่านเกษตรกรพันธมิตรในต่างประเทศ
6. ข้อควรระวัง
- มังคุดที่มีเปลือกช้ำหรือมีแมลงจะไม่ผ่านการตรวจและถูกตีกลับ
- ห้ามใช้สารเคมีที่ไม่ได้รับอนุญาตเด็ดขาด
- ตรวจสอบวันเก็บเกี่ยวให้เหมาะสม – ควรเป็นช่วงที่ผลสุกกำลังดี
- ต้องมีการจัดตารางขนส่งที่รวดเร็ว – ไม่ควรเก็บไว้นานเกิน 2 วันก่อนส่ง
- ตลาดจีนให้ความสำคัญกับมาตรฐาน GACC และระบบตรวจสอบย้อนกลับอย่างมาก
7. สนับสนุนจากภาครัฐ
- กรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ (DITP) สนับสนุนการเข้าร่วมงานแสดงผลไม้ต่างประเทศ
- กรมวิชาการเกษตรมีบริการตรวจสอบคุณภาพและออกใบรับรอง
- สนับสนุนการพัฒนาบรรจุภัณฑ์และโลจิสติกส์สำหรับผลไม้สด
บทสรุป
มังคุดไม่ใช่แค่ผลไม้พื้นบ้าน แต่เป็น “อัญมณีสีม่วง” ของไทยในสายตาชาวโลก การส่งออกมังคุดต้องอาศัยความรู้ ความเข้าใจทั้งด้านเทคนิคการปลูก การคัดแยก การบรรจุ ไปจนถึงการขอเอกสารและการขนส่ง หากดำเนินการอย่างถูกต้อง มังคุดจะสามารถสร้างรายได้มหาศาลให้กับเกษตรกรไทยและผู้ประกอบการส่งออกได้อย่างยั่งยืนในตลาดโลก
#ส่งออกมังคุด #ผลไม้ไทยสู่ตลาดโลก #เกษตรเพื่อการส่งออก #มังคุดไทย #InterTraderAcademy #BlueOceanInterBiz #IAmInterTrader