Freight Forwarder คือใคร ทำหน้าที่อะไร

Freight Forwarder คืออะไร? ทำหน้าที่อะไร?

ในการทำธุรกิจนำเข้าส่งออกหรือโลจิสติกส์ระหว่างประเทศ มีคำหนึ่งที่ถูกพูดถึงบ่อยมากคือ “Freight Forwarder” หรือที่เรียกกันในภาษาไทยว่า “ตัวแทนรับจัดการขนส่งสินค้า” หรือ “ชิปปิ้ง” ซึ่งแม้จะไม่ใช่ผู้ขนส่งโดยตรง แต่มีบทบาทสำคัญอย่างยิ่งในการเชื่อมโยงผู้ส่งสินค้า (Exporter) กับผู้รับสินค้า (Importer) ให้การขนส่งระหว่างประเทศเป็นไปอย่างราบรื่น รวดเร็ว และถูกต้องตามกฎหมาย

บทความนี้จะพาคุณไปเข้าใจว่า Freight Forwarder คืออะไร ทำหน้าที่อะไร และรายละเอียดต่าง ๆ ที่ผู้ประกอบการควรรู้ก่อนเลือกใช้บริการ


Freight Forwarder คืออะไร?

Freight Forwarder คือ บริษัทหรือตัวแทนที่ทำหน้าที่จัดการเรื่องการขนส่งสินค้าระหว่างประเทศแทนเจ้าของสินค้า โดยทำหน้าที่เป็นตัวกลางที่ประสานงานกับสายเรือ สายการบิน บริษัทขนส่งภาคพื้น ศุลกากร และหน่วยงานอื่น ๆ เพื่อให้สินค้าถูกขนส่งจากต้นทางไปยังปลายทางได้อย่างมีประสิทธิภาพ

พูดง่าย ๆ Freight Forwarder คือ “ผู้วางแผนการเดินทางให้สินค้า” โดยไม่จำเป็นต้องมีเรือ รถ หรือเครื่องบินของตัวเอง แต่ใช้การประสานงานกับผู้ให้บริการขนส่งต่าง ๆ แทน


หน้าที่ของ Freight Forwarder

Freight Forwarder มีบทบาทครอบคลุมหลายด้าน โดยสามารถสรุปหน้าที่หลัก ๆ ได้ดังนี้:

1. ให้คำปรึกษาด้านการขนส่ง

  • เลือกวิธีขนส่งที่เหมาะสม (ทางเรือ ทางอากาศ ทางบก หรือผสมผสาน)
  • แนะนำเส้นทาง โลจิสติกส์ และเงื่อนไขพิเศษที่เหมาะกับสินค้า

2. จองระวาง (Booking Space)

  • ติดต่อสายเรือ สายการบิน หรือรถบรรทุกล่วงหน้า เพื่อสำรองพื้นที่ขนส่งสำหรับสินค้าของลูกค้า

3. เตรียมเอกสารและประสานงาน

  • ใบกำกับสินค้า (Invoice), Packing List, ใบตราส่งสินค้า (Bill of Lading / Airway Bill), ใบอนุญาตนำเข้า-ส่งออก ฯลฯ
  • จัดเตรียมเอกสารเพื่อผ่านพิธีการศุลกากร ทั้งขาเข้าและขาออก

4. เคลียร์พิธีการศุลกากร (Customs Clearance)

  • เป็นตัวแทนของผู้ส่งหรือนำเข้าสินค้าเพื่อดำเนินพิธีการที่ด่านศุลกากร รวมถึงการเสียภาษีอากรและค่าธรรมเนียมต่าง ๆ

5. จัดการขนส่งภายในประเทศ (Inland Transport)

  • รับสินค้าไปยังท่าเรือ ท่าอากาศยาน หรือจากจุดหมายปลายทางไปถึงผู้รับ

6. ประกันภัยสินค้า (Cargo Insurance)

  • จัดหาประกันภัยสำหรับการขนส่ง ป้องกันความเสียหายที่อาจเกิดขึ้นระหว่างการเดินทาง

7. บริการคลังสินค้าและบรรจุภัณฑ์

  • ให้บริการแพ็กกิ้ง แพเลต คลังพักสินค้า บรรจุตู้คอนเทนเนอร์ ฯลฯ

Freight Forwarder vs. Shipping Line ต่างกันอย่างไร?

รายการFreight ForwarderShipping Line
บริการตัวกลาง จัดการขนส่งและเอกสารขนส่งสินค้าทางเรือโดยตรง
ความยืดหยุ่นสูง – ใช้หลายสายเรือได้จำกัด – ให้บริการเฉพาะสายตัวเอง
มีทรัพย์สินขนส่งหรือไม่ไม่มี (ส่วนใหญ่)มีเรือ คลัง ฯลฯ เป็นของตนเอง
เหมาะกับผู้ส่งออกทั่วไป, SMEรายใหญ่ที่ขนส่งจำนวนมาก

ประเภทของ Freight Forwarder

  1. International Freight Forwarder
    • ให้บริการขนส่งระหว่างประเทศทั้งหมด ครอบคลุมทั้งการนำเข้าและส่งออก
  2. Domestic Freight Forwarder
    • ให้บริการเฉพาะภายในประเทศ เช่น ขนส่งระหว่างโรงงาน-ท่าเรือ
  3. NVOCC (Non-Vessel Operating Common Carrier)
    • ผู้ให้บริการรับขนสินค้าทางเรือโดยไม่มีเรือของตนเอง แต่สามารถออก B/L ได้เหมือนสายเรือ

กระบวนการทำงานของ Freight Forwarder

  1. ผู้ส่งออกติดต่อ Freight Forwarder
  2. Freight Forwarder แนะนำวิธีขนส่ง / ค่าใช้จ่าย / เตรียมเอกสาร →
  3. Freight Forwarder จองเรือหรือเครื่องบิน →
  4. รับสินค้าจากโรงงานหรือคลัง →
  5. บรรจุสินค้าและขนส่งไปยังท่าเรือ / สนามบิน →
  6. ผ่านพิธีการศุลกากร →
  7. ส่งออกสินค้า →
  8. Freight Forwarder ปลายทางเคลียร์ภาษี / ส่งมอบให้ผู้รับ

ทำไมต้องใช้ Freight Forwarder?

การใช้ Freight Forwarder มีข้อดีหลายประการ เช่น:

  • ลดความยุ่งยากด้านเอกสารและกฎหมาย
    โดยเฉพาะผู้ประกอบการใหม่ที่ยังไม่มีประสบการณ์
  • ประหยัดต้นทุน
    เพราะ Freight Forwarder มักมีอำนาจต่อรองกับสายเรือ สายการบิน และบริษัทขนส่ง ทำให้ได้ราคาที่ถูกกว่า
  • ลดความเสี่ยงในการเสียค่าปรับ / ของค้างด่าน
    ด้วยประสบการณ์และความเข้าใจในระบบโลจิสติกส์ระหว่างประเทศ
  • มีเครือข่ายทั่วโลก
    Freight Forwarder ส่วนใหญ่มีพาร์ตเนอร์ต่างประเทศ จึงสามารถควบคุมการขนส่งจากต้นทางถึงปลายทางได้ครบวงจร

คำแนะนำในการเลือก Freight Forwarder

  1. มีใบอนุญาตประกอบธุรกิจขนส่งระหว่างประเทศ
    เช่น ใบอนุญาตจากกรมศุลกากร หรือ IATA (สำหรับขนส่งทางอากาศ)
  2. มีประสบการณ์ในเส้นทางที่คุณต้องการส่งออก/นำเข้า
  3. สามารถให้คำปรึกษาและบริการครบวงจร
  4. มีความน่าเชื่อถือ และการตอบสนองรวดเร็ว
  5. มีระบบ Tracking และจัดการเอกสารที่เป็นมืออาชีพ

ค่าใช้จ่ายของ Freight Forwarder มีอะไรบ้าง?

  • ค่าขนส่งระหว่างประเทศ (Ocean / Air Freight)
  • ค่าผ่านพิธีการศุลกากร
  • ค่าบรรจุ คลังสินค้า แพ็คกิ้ง
  • ค่าธรรมเนียมเอกสาร (Document Fee)
  • ค่าประกันสินค้า (ถ้าต้องการ)
  • ค่าบริการจัดการ (Service Fee / Handling Fee)

หมายเหตุ: ค่าใช้จ่ายขึ้นอยู่กับประเภทสินค้า น้ำหนัก ปริมาณ พิกัดประเทศปลายทาง และบริการที่ใช้เพิ่มเติม


สรุป

Freight Forwarder คือผู้เล่นเบื้องหลังที่สำคัญของระบบโลจิสติกส์ระหว่างประเทศ หากไม่มีบุคคลหรือองค์กรที่ช่วยประสานงานเช่นนี้ การส่งออกหรือนำเข้าสินค้าระหว่างประเทศจะเต็มไปด้วยความซับซ้อน เสี่ยงต่อความล่าช้า และต้นทุนที่สูงขึ้นอย่างมาก

ไม่ว่าคุณจะเป็นผู้ประกอบการรายเล็กหรือใหญ่ การเข้าใจหน้าที่ของ Freight Forwarder จะช่วยให้คุณสามารถวางแผนการขนส่งได้อย่างมีประสิทธิภาพ และเลือกพาร์ตเนอร์ที่เหมาะสมในการส่งสินค้าของคุณออกสู่โลกได้อย่างมั่นใจ


Leave a Comment